ออนไลน์บ้านผือนิวส์

อำเภอบ้านผือ รวมพลังประชาชนสร้างเครือต่อต้านทุจริต จ.อุดรธานี


  

 

อำเภอบ้านผือ รวมพลังประชาชนสร้างเครือต่อต้านทุจริต จ.อุดรธานี

อำเภอบ้านผือ รวมพลังประชาชนสร้างเครือต่อต้านทุจริต จ.อุดรธานี  วันจันทร์ที่9พฤษภาคม2565เมื่อ 09.00 น.ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอบ้านผือ อ.บ้านผือ จังหวัดอุดรธานี  นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้ายผือ  ได้เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาเครือข่ายร่วมใจต่อต้านทุจริต จ.อุดรธานี     โดยมี นายไพบูลย์ เหลืองอิงคะสุต  ประธานเครือข่ายเฝ้าระวังและส่งเสริมความประพฤตินักเรียน และนักศึกษาจังหวัดอุดรธานี (สารวัตรนักเรียน) เป็นผู้กล่าวรายงาน  เครือข่ายเฝ้าระวังและส่งเสริมความประพฤตินักเรียน และนักศึกษาจังหวัดอุดรธานี (สารวัตรนักเรียน) ได้รับงบประมาณจากสำนักงาน ป.ป.ช. ให้จัดอบรม โครงการพัฒนาเครือข่ายร่วมใจต่อต้านทุจริต จ.อุดรธานี       
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ได้ขยายระวังและป้องปรามการทุจริต เครือข่ายเฝ้าการจับตามองและการแจ้งเบาะแส ภาคประชาชน การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ หรือรณรงค์ป้องกันการทุจริต,ให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ได้มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องของกฎหมาย ป.ป.ช.แนวทางการตรวจสอบอำนาจรัฐ ขบวนการเฝ้าระวัง ป้องปราม       และป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น ให้อยู่บนความถูกต้องและเป็นธรรมตามหลัก  ธรรมาภิบาลให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ได้ถอดบทเรียน แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น และการเข้ามามีส่วนร่วม ในขบวนการ ดังกล่าว อีกทั้งให้ทุกภาคส่วน ได้ใช้หลักธรรมาภิบาล ยึดหลักคุณธรรม ร่วมมือกัน วางแผนขับเคลื่อน การป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอรัปชั่น ในชุมชนของตนเอง และเพื่อขยายเครือข่าย จังหวัดอุดรธานี ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ ทั้งภาคประชาชนทั่วไป และระดับเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังหลักของชาติ        ในโอกาส ต่อไป โดยมีตัวแทน กลุ่มเป้าหมาย รวมจำนวน 50 คน  ของอ.บ้านผือซึ่งเป็น สมาชิกเครือข่ายผู้นำชุมชน ประชาชน อสม.ใน.อ.บ้านผือ โดยมีวิทยากรจากสำนักงาน ปปช.จังหวัดอุดรธานี นายยศศิริ แพงเวียงจันทร์ จนทชำนาญการและเครือข่ายเฝ้าระวังและส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาจังหวัดอุดรธานี(สารวัตรนักเรียน) มาเป็นผู้ให้ความรู้ในการอบรมครั้งนี้
 
 

เรื่องข่าวน่าติดตาม

 
ข่าวแนะนำ


 กรมศิลปากร กรมป่าไม้ และจังหวัดอุดรธานี ผนึกกำลังผลักดันภูพระบาทเข้าสู่บัญชีมรดกโลก คาดอุดรธานีจะเป็นจังหวัดเดียวที่มีมรดกโลก 2 แห่ง
 เย็นวันเสาร์ที่30 เมษายน 2565 ที่ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร, นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้, นายกองเอกปราโมทย์ ธัญญพืช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ, นายมงคล มีลา นายกเทศมนตรีตำบลกลางใหญ่ และนายเอกพล ศรีทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองพาน ร่วมกันแถลงข่าวการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเข้าสู่บัญชีมรดกโลกและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม เพื่อนำแผนการบริหารจัดการไปปฏิบัติ โดยผู้บริหารกรมศิลปากร ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น และหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทให้การต้อนรับ


 กระทั่งเราได้ประกาศขึ้นทะเบียนภูพระบาทเป็นโบราณสถานแห่งชาติในปี 2524 วันที่ 28 เมษายน 2524 จากวันนั้นถึงวันนี้ครบ 40 ปีแล้วที่มีการประกาศ รวมถึงพื้นที่ที่มีวัฒนธรรมเดียวกันคือ วัฒนธรรมเสมา ซึ่งอยู่ที่วัดพระพุทธบาทบัวบาน เราได้ยกเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2535 จากนั้น ก็มีการพัฒนาพื้นที่มาโดยตลอด ด้วยเห็นว่าพื้นที่มีศักยภาพและอัตลักษณ์ที่โดดเด่นมีความเป็นของแท้ดั้งเดิม จึงมีการเสนอรายชื่อเบื้องต้นของมรดกโลกในปี 2547

 ล่าสุดคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อปี 2562 เห็นชอบให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวัฒนธรรมของประเทศ โดยให้กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลักดันการขึ้นทะเบียนแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกในส่วนของภูพระบาท "ฉะนั้นเรามั่นใจว่าจังหวัดอุดรธานีจะเป็นจังหวัดเดียวที่มีมรดกโลก 2 แห่ง" คือ มรดกโลกบ้านเชียง และมรดกโลกภูพระบาทแห่งนี้ ซึ่งจะเป็นความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดอุดรธานีและประเทศไทย

 ความโดดเด่นของภูพระบาทนั้น มีพื้นที่ที่จะใช้ประกาศเป็นแหล่งมรดกโลกประมาณ 3,661 ไร่ มีทั้งพื้นที่ของกรมป่าไม้และพื้นที่อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ถูกนำเสนอเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมภายใต้เกณฑ์การขึ้นทะเบียนมรดกโลก 2 ข้อ ที่เป็นลักษณะที่โดดเด่น คือ เกณฑ์ข้อที่ 3 เอกลักษณ์ที่หายากยิ่งเพราะภูพระบาทลักษณะแบบนี้ไม่เคยพบที่ใดในประเทศไทยและเชื่อว่าในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่อื่นๆ ก็อาจจะไม่มีเหมือนเรา และเกณฑ์ข้อที่ 5 เป็นแหล่งที่มีตัวอย่างที่โดดเด่นในการปรับใช้พื้นที่ทางธรรมชาติมาเป็นพื้นที่แหล่งวัฒนธรรมในเรื่องของความเชื่อศาสนาและความศักดิ์สิทธิ์



 อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน เป็นมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง จำนวน 2 แหล่ง ที่มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน ตั้งอยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าเขือน้ำ) บนเทือกเขาภูพาน อยู่ทางทิศตะวันตก ห่างออกมาประมาณ 12 กิโลเมตร จากอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ประเทศไทย


 จากหลักฐานโบราณคดี พบว่าบริเวณนี้มีมนุษย์เข้ามาใช้พื้นที่ทำกิจกรรมแล้วตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยพบหลักฐานสำคัญ คือ ภาพเขียนสี อยู่ตามเพิงหิน ที่ปรากฏกระจายอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มากกว่า 47 แห่ง มีทั้งภาพคน ฝ่ามือ สัตว์ และลวดลายเรขาคณิต ชี้ให้เห็นถึงการเข้ามาใช้พื้นที่ของคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 3,000 ปีมาแล้ว มีความสัมพันธ์กับหลักฐานทางโบราณคดีที่มีการค้นพบขวานหินขัด ลูกปัดอาเกต และเศษภาชนะดินเผาเนื้อเครื่องดิน ที่พบอยู่ตามที่ราบริมลำน้ำโมงเชิงเขาภูพาน ⛰ชาลิสา ชมภูราษฎร์ส.ปชส.อุดรธานี












อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

  วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี  ได้รายงานสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอบ้านผือ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในไลน์กลุ่มจังหวัดอุดรธานีว่า ช่วงเวลา 03.30 น.ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จากการสำรวจเบื้องต้น บ้านเรือน และยุ้งข้าวของราษฎร ในพื้นที่อำเภอบ้านผือ ได้รับความเสียหาย

ดังนี้  บ้านนาเจริญ หมู่ 13 ตำบลจำปาโมง บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง ยุ้งข้าว 2 หลัง ,บ้านไผ่ล้อม หมู่ 10 ตำบลเมืองพาน บ้านเรือนเสียหาย 15 หลัง ,บ้านหัวคู หมู่ 1 ตำบลบ้านผือ บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง และบ้านธาตุ หมู่ 2 ตำบลหายโศก บ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง ทั้งนี้อำเภอบ้านผือ อยู่ระหว่างเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย และจะรายงานให้ทราบต่อไป

สำหรับจุดบ้านไผ่ล้อม นางอรวรรณ เชื้อกลางใหญ่ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี อำเภอบ้านผือ เขต 1 และเป็นตัวแทน นางเทียบจุฑา ขาวขำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี

ลงสำรวจพื้นที่บ้านไผ่ล้อม ตำบลเมืองพาน พร้อม นายเอกพล ศรีทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองพาน นายภาณุพงค์ ผิวสว่าง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองพาน ผู้ใหญ่บ้านบ้านไผ่ล้อม และ กู้ชีพกู้ภัยองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองพาน ร่วมลงสำรวจความเสียหายเบื้องต้น

 ทราบว่า พายุลงเมื่อตอนเช้าตรู่ของวันนี้ ช่วงตี 4 ตนและคณะทำงาน พบว่า บ้านไผ่ล้อม หมู่ 10 ตำบลเมืองพาน มีบ้านเรือนเสียหาย 15 หลัง จะรีบประสานหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ได้ประสาน นางเทียบจุฑา ขาวขำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เพื่อลงพบปะให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงบ่ายวันนี้

ดูคลิป วีดีโอ


 


 

สภาพอากาศวันนี้ ไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อน ระวังฝนฟ้าคะนอง กทม.ตกร้อยละ 40

ไทยตอนบนเผชิญพายุฤดูร้อน มีพายุฝนฟ้าคะนอง กรมอุตุฯ เตือนให้ประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชก, ฟ้าผ่า กรุงเทพฯ มีฝนตกร้อยละ 40 ของพื้นที่

วันเสาร์ที่ 30 เม.ย. 2565 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ระบุว่า ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากภัยดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองซึ่งอาจเกิดอันตรายจากลมกระโชกแรงและฟ้าผ่าได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกยังพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มของการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันลดลง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังแรงขึ้น และมีฝนเพิ่มขึ้น


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 


 ข่าวคืบหน้าพายุฤดูร้อนถล่มอำเภอบ้านผือ

ข่าวคืบหน้าเหตุพายุฤดูร้อนเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 19 หลัง ยุ้งข้าว 2 หลัง วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2556 เมื่อ เวลา 03.30 น ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จากการสำรวจเบื้องต้น บ้านเรือน และยุ้งข้าวของราษฎร ในพื้นที่อำเภอบ้านผือ ได้รับความเสียหาย  ดังนี้  บ้านนาเจริญ หมู่ 13 ตำบลจำปาโมง บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง ยุ้งข้าว 2 หลัง บ้านไผ่ล้อม หมู่ 10 ตำบลเมืองพาน บ้านเรือนเสียหาย 12 หลัง  บ้านหัวคู หมู่ 1 ตำบลบ้านผือ บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง บ้านธาตุ หมู่ 2 ตำบลหายโศก บ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง  ทั้งนี้อำเภอบ้านผืออยู่ระหว่างเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง


เรียนผูใหญ่ทุกหมู่บ้านจากคืนวันพฤหัสบดีที่28เมษายน2565ที่ผ่านมาได้เกิดพายุลมแรงสร้างความเสียหายแก่บ้านเรียนประชาชน ตามหลักเทศบาลต้องดำเนินการรายงานให้นายอำเภอจังหวัดทราบภายใน24ชั่วโมงจึงขอความอนุเคราะค์ยังท่านได้สำรวจความเสียหายพร้อมภาพถ่ายและรายชื่อของผู้ได้รับความเสียหายเข้ามายังเทศบาลเพื่อจะได้รายงานอำเภอต่อไป จากนั้นเจ้าหน้าที่เทศบาลจะออกสำรวจเป็นลำดับต่อไป โดยงานป้องกันเทศบาลตำบลบ้านผืออำเภอบ้านผือจังหวัดอุดรธานี ข่าวคืบหน้าความเสียหายจะนำเสนอข่าวมาให้ทราบในครั้งต่อไป สวาท เครือพิมาย ผู้สื่อข่าวบ้านผือทีวีนิวส์รายงาน

 ข่าวคืบหน้าพายุฤดูร้อนถล่มบ้านผือ ดูคลิป วีดโอ(2)



   พายุฤดูร้อนถล่มบ้านผือ ดูคลิป วีดโอ(1)




วันพฤหัสบดีที่21เมษายน2565เมื่อเวลา12.22น.ได้มีรถ10ล้อพ่วงวิ่งเข้าไปในถนนเส้นกลางทั้งๆที่ป้ายจราจรติดอยู่ที่ปากซอยถนนเส้นกลาง ป้ายใหญ่เห็นชัดเจนโดยเจ้าหน้าที่สถานีตำตรวจภูธรบ้านผือได้ติดใว้เพื่อไม่ให้รถพวงใช้ถนนเส้นนี้เพราะจะทำให้ถนนเสียหาย แต่รถพ่วงคันนี้ฝ่าฝืนได้ขับเข้าไปในซอยถนนเส้นกลางตามที่เห็นตามภาพรถพ่วงคันนี้ไม่ไม่สนสายตาชาวชุมชนที่อยู่ในซอยนี้ถนนเส้นกลางเส้นนี้เจ้าหน้าที่สภ.บ้านผือห้ามไม่ให้รถพ่วงเข้าอยู่แล้วแต่รถพ่วงคันดังกล่าวที่เห็นตามภาพจะแก้ไขอย่างไรดีชาวชุมชนเดือดร้อน วอนคนขับรถพ่วงครั้งต่อไปให้ความร่วมมือด้วยนะครับ เห็นมาบอกไป ต้องใส่ใจการจราจร

เปิดโทษและค่าปรับ หากขับรถผิดกฎจราจร 


  1. ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ ปรับ 400-1,000 บาท
  2. หยุดรถบนทางเท้า ปรับ 500 บาท
  3. แซงในเส้นทึบ ปรับ 400-1,000 บาท
  4. หยุดรถขวางทางแยก ปรับไม่เกิน 500 บาท
  5. ฝ่าสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  6. ท่อแต่งเสียงดัง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  7. ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 500 บาท
  8. ติดไฟนีออนใต้ท้องรถ ติดไว้กับป้ายทะเบียน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  9. ขับรถบนทางเท้า ปรับ 400-1,000 บาท
  10. หยุดรถล้ำเส้นหยุด ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  11. ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 500 บาท
  12. จอดรถกีดขวางการจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท
  13. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนวางไว้ที่กระจก ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  14. ใช้ป้ายแดงเกิน 1 เดือน หรือวิ่งระยะทางเกิน 3,000 กิโลเมตร โดยใช้ป้ายแดง ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  15. แผ่นป้ายทะเบียนปลอม มีความผิดทางอาญา ฟ้องศาล!
  16. เมาแล้วขับ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลสามารถสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบขับขี่และสามารถยึดรถไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน

ความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 (รถส่วนบุคคล)

ซึ่งทางการขนส่งทางบก ให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดได้เช่นกัน โดยมีข้อหาการกระทำความผิด ได้แก่

  • ดัดแปลงไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ทำให้สีของแสงไฟไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด (ไฟท้ายต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน)
  • ดัดแปลงหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ส่วนควบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจผู้อื่น เช่น รถกระบะต่อเติมตัวถัง หรือโครงหลังคาเกิน 3 เมตร
  • นำวัสดุอื่นใดมาปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน
    • แขวนหรือติดตุ๊กตาบดบังแผ่นป้ายทะเบียน
    • ทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรตัวเลข หรือจังหวัดได้ชัดเจน
    • แก้ไขหรือดัดแปลงตัวเลขบนแผ่นป้ายทะเบียน เช่น ปิดแผ่นทองบนหมายเลขทะเบียน เพิ่มเติม ตัวเลขบนแผ่นป้ายทะเบียนรถ
    • ใช้กรอบแผ่นป้ายลายกราฟิกปิดทับแผ่นป้ายทะเบียน
    • ตัดแผ่นป้ายทะเบียนรถ
  • แก้ไขดัดแปลงขนาดของล้อรถให้ล้นเกินตัวถัง
  • อุปกรณ์ส่วนควบไม่มั่นคงแข็งแรง

วิธีแจ้งเบาะแส รถกระทำความผิด

กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดและดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยค่าปรับส่วนแรกนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือจะนำมาจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และมอบให้ผู้แจ้งพฤติการณ์การกระทำความผิด โดยการจ่ายเงินส่วนแบ่งค่าปรับให้ผู้แจ้งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

1. พฤติการณ์การกระทำความผิดที่แจ้งต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ครบถ้วน เช่น ภาพหรือคลิปวิดีโอ ต้องบันทึกการกระทำความผิดที่ชัดเจน วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถ และอื่นๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้แจ้งต้องระบุชื่อและนามสกุลของผู้แจ้ง ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อ และในกรณีผู้แจ้งประสงค์จะขอรับเงินส่วนแบ่งค่าปรับ ให้ระบุหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้แจ้งด้วย โดยข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกปกปิดเป็นความลับ

2. ช่องทางในการติดต่อ เมื่อรวบรวมหลักฐานครบถ้วนแล้ว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1584, Line@ : @1584DLT, Facebook: 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ, เว็บไซต์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ หรือ https://www.dlt.go.th/, E-mail: dlt_1584complain@hotmail.com, เดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเอง หรือร้องเรียนผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐ “GECC 1111 ทำเนียบรัฐบาล” และ “GECC กรมการขนส่งทางบก”

3. ผู้แจ้งจะได้รับข้อความ SMS ยืนยันการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน

4. กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการตามกระบวนสืบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้แจ้ง โดยเรียกตัวผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัวและสอบสวนจนได้ข้อยุติ

5. การรับเงินส่วนแบ่งจะได้รับภายหลังจากที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบปรับแล้ว จะมีข้อความ SMS ส่งให้ผู้แจ้งทราบผลการดำเนินการและจะดำเนินการโอนเงินส่วนแบ่งค่าปรับภายใน 15 วันทำการ

อย่างไรก็ตาม ยังมีพฤติกรรมการขับรถอื่นๆ ที่ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 เช่น การขับรถย้อนศร ฝ่าไฟแดง จอดรถในที่ห้ามจอด แซงในเส้นทึบ ไม่ปฎิบัติตามสัญญาณจราจร เป็นต้น ถึงจะแจ้งจับแล้วไม่ได้รับส่วนแบ่ง 50 % แต่เป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้

ข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก

วันพฤหัสบดีที่21เมษายน2565เมื่อเวลา12.22น.ได้มีรถ10ล้อพ่วงวิ่งเข้าไปในถนนเส้นกลางทั้งๆที่ป้ายจราจรติดอยู่ที่ปากซอยถนนเส้นกลาง ป้ายใหญ่เห็นชัดเจนโดยเจ้าหน้าที่สถานีตำตรวจภูธรบ้านผือได้ติดใว้เพื่อไม่ให้รถพวงใช้ถนนเส้นนี้เพราะจะทำให้ถนนเสียหาย แต่รถพ่วงคันนี้ฝ่าฝืนได้ขับเข้าไปในซอยถนนเส้นกลางตามที่เห็นตามภาพรถพ่วงคันนี้ไม่ไม่สนสายตาชาวชุมชนที่อยู่ในซอยนี้ถนนเส้นกลางเส้นนี้เจ้าหน้าที่สภ.บ้านผือห้ามไม่ให้รถพ่วงเข้าอยู่แล้วแต่รถพ่วงคันดังกล่าวที่เห็นตามภาพจะแก้ไขอย่างไรดีชาวชุมชนเดือดร้อน วอนคนขับรถพ่วงครั้งต่อไปให้ความร่วมมือด้วยนะครับ เห็นมาบอกไป ต้องใส่ใจการจราจร

เปิดโทษและค่าปรับ หากขับรถผิดกฎจราจร 


  1. ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ ปรับ 400-1,000 บาท
  2. หยุดรถบนทางเท้า ปรับ 500 บาท
  3. แซงในเส้นทึบ ปรับ 400-1,000 บาท
  4. หยุดรถขวางทางแยก ปรับไม่เกิน 500 บาท
  5. ฝ่าสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  6. ท่อแต่งเสียงดัง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  7. ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 500 บาท
  8. ติดไฟนีออนใต้ท้องรถ ติดไว้กับป้ายทะเบียน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  9. ขับรถบนทางเท้า ปรับ 400-1,000 บาท
  10. หยุดรถล้ำเส้นหยุด ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  11. ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 500 บาท
  12. จอดรถกีดขวางการจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท
  13. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนวางไว้ที่กระจก ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  14. ใช้ป้ายแดงเกิน 1 เดือน หรือวิ่งระยะทางเกิน 3,000 กิโลเมตร โดยใช้ป้ายแดง ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  15. แผ่นป้ายทะเบียนปลอม มีความผิดทางอาญา ฟ้องศาล!
  16. เมาแล้วขับ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลสามารถสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบขับขี่และสามารถยึดรถไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน

ความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 (รถส่วนบุคคล)

ซึ่งทางการขนส่งทางบก ให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดได้เช่นกัน โดยมีข้อหาการกระทำความผิด ได้แก่

  • ดัดแปลงไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ทำให้สีของแสงไฟไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด (ไฟท้ายต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน)
  • ดัดแปลงหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ส่วนควบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจผู้อื่น เช่น รถกระบะต่อเติมตัวถัง หรือโครงหลังคาเกิน 3 เมตร
  • นำวัสดุอื่นใดมาปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน
    • แขวนหรือติดตุ๊กตาบดบังแผ่นป้ายทะเบียน
    • ทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรตัวเลข หรือจังหวัดได้ชัดเจน
    • แก้ไขหรือดัดแปลงตัวเลขบนแผ่นป้ายทะเบียน เช่น ปิดแผ่นทองบนหมายเลขทะเบียน เพิ่มเติม ตัวเลขบนแผ่นป้ายทะเบียนรถ
    • ใช้กรอบแผ่นป้ายลายกราฟิกปิดทับแผ่นป้ายทะเบียน
    • ตัดแผ่นป้ายทะเบียนรถ
  • แก้ไขดัดแปลงขนาดของล้อรถให้ล้นเกินตัวถัง
  • อุปกรณ์ส่วนควบไม่มั่นคงแข็งแรง

วิธีแจ้งเบาะแส รถกระทำความผิด

กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดและดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยค่าปรับส่วนแรกนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือจะนำมาจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และมอบให้ผู้แจ้งพฤติการณ์การกระทำความผิด โดยการจ่ายเงินส่วนแบ่งค่าปรับให้ผู้แจ้งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

1. พฤติการณ์การกระทำความผิดที่แจ้งต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ครบถ้วน เช่น ภาพหรือคลิปวิดีโอ ต้องบันทึกการกระทำความผิดที่ชัดเจน วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถ และอื่นๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้แจ้งต้องระบุชื่อและนามสกุลของผู้แจ้ง ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อ และในกรณีผู้แจ้งประสงค์จะขอรับเงินส่วนแบ่งค่าปรับ ให้ระบุหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้แจ้งด้วย โดยข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกปกปิดเป็นความลับ

2. ช่องทางในการติดต่อ เมื่อรวบรวมหลักฐานครบถ้วนแล้ว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1584, Line@ : @1584DLT, Facebook: 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ, เว็บไซต์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ หรือ https://www.dlt.go.th/, E-mail: dlt_1584complain@hotmail.com, เดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเอง หรือร้องเรียนผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐ “GECC 1111 ทำเนียบรัฐบาล” และ “GECC กรมการขนส่งทางบก”

3. ผู้แจ้งจะได้รับข้อความ SMS ยืนยันการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน

4. กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการตามกระบวนสืบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้แจ้ง โดยเรียกตัวผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัวและสอบสวนจนได้ข้อยุติ

5. การรับเงินส่วนแบ่งจะได้รับภายหลังจากที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบปรับแล้ว จะมีข้อความ SMS ส่งให้ผู้แจ้งทราบผลการดำเนินการและจะดำเนินการโอนเงินส่วนแบ่งค่าปรับภายใน 15 วันทำการ

อย่างไรก็ตาม ยังมีพฤติกรรมการขับรถอื่นๆ ที่ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 เช่น การขับรถย้อนศร ฝ่าไฟแดง จอดรถในที่ห้ามจอด แซงในเส้นทึบ ไม่ปฎิบัติตามสัญญาณจราจร เป็นต้น ถึงจะแจ้งจับแล้วไม่ได้รับส่วนแบ่ง 50 % แต่เป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้

ข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก















 

 

 

{Fullwidth}

Please Select Embedded Mode To Show The Comment System.*

ใหม่กว่า เก่ากว่า

สื้อโฆษณา

ออนไลน์บ้านผือนิวส์