ออนไลน์บ้านผือนิวส์

“ชัชชาติ-มัลลิกา-สาธิต” ชื่นชม “มิลลิ” ชู Soft Power ข้าวเหนียวมะม่วง


“ชัชชาติ-มัลลิกา-สาธิต” ชื่นชม “มิลลิ” ชู Soft Power ข้าวเหนียวมะม่วง

“ชัชชาติ-มัลลิกา-สาธิต” ชื่นชม “มิลลิ” แร็ปเปอร์สาวไทย ชู Soft Power กินข้าวเหนียวมะม่วงโชว์บนเวที Coachella 2022 สู่สายตาคนทั่วโลก ชี้ ก.พาณิชย์ พร้อมผลักดันสนับสนุน

วันที่ 18 เมษายน 2565 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ลงพื้นที่หาเสียงเขตราษฎร์บูรณะ เริ่มต้นจากตลาดบางปะกอกและตลาดวัดนาคนิมิตร จากนั้นเดินทางไปรับฟังปัญหาของพื้นที่ ที่โรงเรียนปัญญาศักดิ์ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครูและผู้ปกครอง พร้อมย้ำนโยบายเรียนดี พัฒนามาตรฐานโรงเรียนสังกัด กทม. 437 โรงเรียน มุ่งเป้าลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในระยะยาว พร้อมชื่นชม “มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล” แร็ปเปอร์ชาวไทยวัย 19 ปี โชว์ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ไปทั่วโลก รวมถึงนโยบายพัฒนาพื้นที่แห่งดนตรีและศิลปะทุกเขตทั่ว กทม. ส่งเสริมการเติบโตเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเมืองในอนาคต

ทั้งนี้ นายชัชชาติ กล่าวชื่นชม มิลลิ ที่ได้แสดงพลังของซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านความสามารถของตนเองในฐานะศิลปิน บนเวทีเทศกาลดนตรีโคเชลลา สหรัฐอเมริกา และยังใช้โอกาสดังกล่าวทำให้อาหารไทย อย่าง “ข้าวเหนียวมะม่วง” เป็นที่รู้จัก

ขณะเดียวกัน จากการลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชน พบว่า กทม. ยังขาดพื้นที่สาธารณะสำหรับการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ จึงออกแบบนโยบายสร้างสรรค์ดี ด้วยการพัฒนาพื้นที่แห่งดนตรีและศิลปะการแสดง หรือสตรีตโชว์ ส่งเสริมให้ศิลปินมีพื้นที่แสดงผลงานและอยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจซบเซา รวมทั้งยังสามารถยกระดับสตรีตโชว์ให้เป็นเทศกาลดนตรีและศิลปะส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกด้วย

“ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ ไม่เฉพาะการเจอเพื่อนในชั้นเรียน แต่ต้องมาจากการเจอเพื่อนต่างที่ต่างโรงเรียน แต่กรุงเทพฯ ไม่มีพื้นที่ให้พวกเราได้เจอกัน ดังนั้น จำเป็นต้องมีพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพให้คนมาเจอกันเพื่อสร้างงานสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่แสดงดนตรี เป็นพื้นที่แสดงศิลปะ และไม่ใช่เฉพาะหอศิลป์ กทม. เท่านั้น แต่ควรกระจายไปทุกเขต ทุกแขวง เพื่อให้คนได้แสดงความสามารถทางศิลปะ และต่อไปจะเป็นพลังของอนาคตเลยในเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy”

ส่วนการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากคณะครูและผู้ปกครองโรงเรียนปัญญาศักดิ์ เขตราษฎร์บูรณะ นายชัชชาติ ได้นำเสนอนโยบาย “เรียนดี” หลายนโยบาย อาทิ นโยบายคืนครูให้นักเรียน ลดภาระงานเอกสารด้วยเทคโนโลยี เพื่อให้ครูมีเวลาดูแลนักเรียนได้เต็มที่ นโยบายเปิดโรงเรียนวันหยุดเป็นพื้นที่เรียนรู้สำหรับนักเรียนและชุมชน นโยบายพัฒนาโรงเรียน 3 ภาษา สอนผ่านหลักสูตรไทย ต่างประเทศและเทคโนโลยีเพื่อการทำงาน ตลอดจนนโยบายพัฒนาศูนย์เด็กเล็กและเด็กอ่อนในชุมชนและใกล้แหล่งงาน ก่อนจะย้ำว่า การศึกษาเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในระยะยาว ด้วยการสร้างโอกาสให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทุกคน


ทางด้าน นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวขอชื่นชมทีมงานศิลปินเดี่ยวชาวไทย มิลลิ (MILLI) กับการแสดงบนเวที Coachella 2022 ที่นำข้าวเหนียวมะม่วง อาหารว่างคนไทยและเป็น 1 ใน 50 เมนูขนมหวานที่ดีที่สุดของโลก เป็น Soft Power Content บนเวทีคอนเสิร์ต ถือเป็นไอเดียที่ดีและน่าชื่นชม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมสนับสนุน Creative Economy โดยปี 2565 นโยบายหลักของกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี คือการส่งเสริมและเชื่อมตลาดด้านนี้ เน้น Soft Power และยินดีหากทีมนี้จะให้กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมสนับสนุน

นางมัลลิกา กล่าวอีกว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้นโยบายกับกระทรวงพาณิชย์ด้าน Soft Power ว่าจะต้องเป็นผู้ที่ช่วยส่งเสริม Soft Power เพื่อที่จะทำให้ Soft Power ของไทยไปผงาดในตลาดโลก ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต โดยเฉพาะอาหารไทยเป็นที่เลื่องลือและยอมรับไปทั่วโลก และสิ่งที่มีความคุณค่ามากที่สุดคือ ความเป็นไทย ที่ไม่มีใครแย่งไปจากเราได้ ซึ่งนำไปขายได้ในทุกเรื่อง ทั้งด้านการผลิตที่ละเอียดลออ งดงาม และมีความรับผิดชอบ ในภาคบริการการท่องเที่ยวที่ไม่มีใครสู้เราได้ในโลก ซึ่งทั้งหมดนี้จะไปสู่โลกได้อย่างไร เราก็ทำมาเป็นลำดับและทำเป็นระบบชัดเจน มีกลไกรับผิดชอบยิ่งขึ้น

“ปี 2565 ให้มุ่งเน้นการส่งเสริม Soft Power ให้ไทยให้ผงาดได้ในตลาดโลก โดยมีการส่งเสริม และสร้างเครือข่าย ขยายโอกาสเผยแพร่ผลงานดังกล่าวสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น นอกจากจะเป็นการส่งเสริมกลุ่มธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม แหล่งวิถีชีวิต ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยอีกด้วย”

นอกจากนี้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวถึงข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่ระบุว่า สถานการณ์การส่งออกข้าวเหนียว ปี 2564 มีปริมาณ 150,570 ตัน มูลค่า 3,108.40 ล้านบาท ลดลง 25.73% จากปี 2563 และปี 2565 (ม.ค.- ก.พ. 2565) มีปริมาณ 29,312 ตัน มูลค่ารวม 594.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.98 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 มีตลาดส่งออกหลัก คือ จีน สหรัฐอเมริกา ลาว เวียดนาม และญี่ปุ่น

ขณะที่สถานการณ์การส่งออกมะม่วงสดปี 2564 ไทยส่งออกมะม่วงรวม 4,440.30 ล้านบาท แบ่งเป็น มะม่วงสด มูลค่า 2,934.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.25 % จากปี 2563 และมะม่วงกระป๋อง มูลค่า 1,505.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.12% จากปี 2563 และปี 2565 (ม.ค.-ก.พ. 2565) มีปริมาณ 10,398 ตัน มูลค่ารวม 403.51 ล้านบาท แบ่งเป็นมะม่วงสด มูลค่า 177.96 ล้านบาท ลดลง 38.13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปี 2564 และมะม่วงกระป๋อง มูลค่า 225.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.78 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปี 2564 โดยมีประเทศ 10 อันดับแรกที่เป็นตลาดส่งออกมะม่วงสดสำคัญของไทย ได้แก่ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เมียนมา ลาว สิงคโปร์ รัสเซีย เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน ตามลำดับ

ทางด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็โพสต์ภาพและข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า “ขอบคุณน้องมิลลิ ที่ใช้ความสามารถช่วยให้โลกได้รู้จักเมืองไทยและข้าวเหนียวมะม่วงมากขึ้น ทานแล้ว อร่อยแล้ว ออกกำลังกายตามไปด้วยจะมีมากครับ” พร้อมกันนี้ นายสาธิต ได้โพสต์แคปชั่นกับภาพดังกล่าวว่า Soft Power ข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว ต่อด้วยข้าวเหนียวทุเรียน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

Please Select Embedded Mode To Show The Comment System.*

ใหม่กว่า เก่ากว่า

สื้อโฆษณา

ออนไลน์บ้านผือนิวส์