"หมอธีระ"
เทียบสถิติ ชี้โควิดในไทย ยังรุนแรง จำนวนผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับ 6
ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย คนเคยป่วยต้องนอน รพ. เจอปัญหา Long Covid
มากกว่าคนอาการน้อย
วันที่ 18 เม.ย.65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat
เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่
รวม ATK สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
ทั้งนี้จำนวนคนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 23.61%
ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
เปรียบเทียบสถิติรายสัปดาห์
ทั่วโลกจำนวนติดเชื้อใหม่ลดลง 25% และเสียชีวิตลดลง 23%
หากดูเฉพาะทวีปเอเชีย จะพบว่าจำนวนติดเชื้อใหม่ลดลงถึง 28%
และเสียชีวิตลดลง 23% เท่ากับค่าเฉลี่ยของทั่วโลก แต่สำหรับไทยเรานั้น
จำนวนติดเชื้อใหม่ลดลง 11%
(ลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของทวีปเอเชียและของทั่วโลก)
และจำนวนเสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 19%
ข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เราเห็นว่า
การระบาดของไทยยังคงรุนแรงเมื่อเทียบกับภาพรวมของทวีปเอเชียและของโลก
นอกจากนี้ตัวเลขทางการนั้นก็ยังไม่ได้รวมจำนวนที่ตรวจ ATK อีกด้วย
ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นสวนกระแสโลกอย่างชัดเจน
นโยบายและมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่ผ่านมานั้นยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ และจำเป็นจะต้องได้รับการทบทวน หากเห็นคุณค่าของชีวิต
อัปเดตเรื่อง Long COVID ล่าสุด Chen C และทีมงานจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำการทบทวนข้อมูลวิชาการทั่วโลกอย่างเป็นระบบจนถึง 13 มีนาคม 2565 และทำการวิเคราะห์อภิมาน เพื่อดูอัตราการเกิดภาวะ Long COVID หรือ Post COVID conditions ในผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19
ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์สากลด้านโรคติดเชื้อ Journal of Infectious Diseases เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ทบทวนงานวิจัย 50 ชิ้น และนำ 41 ชิ้นมาวิเคราะห์
ผลการศึกษาพบว่า โดยเฉลี่ยแล้วทั่วโลกผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จะประสบปัญหา Long COVID สูงถึง 43% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 39%-46%)
ทั้งนี้ คนที่ติดเชื้อแล้วป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจะเกิดปัญหา Long COVID ได้ 54% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 44%-63%) ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าคนที่ติดเชื้อแต่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลที่พบว่ามีปัญหา Long COVID 34% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้แงต่ 25%-46%)
ถ้าเปรียบเทียบระหว่างทวีป จะพบว่า ทวีปเอเชียมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่ประสบปัญหา Long COVID สูงที่สุดคือ 51% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 37%-65%)
โดยทวีปยุโรปพบประมาณ 44% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 32%-56%) และทวีปอเมริกาเหนือ 31% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 21%-43%)
ดังนั้น จึงสะท้อนให้เราเห็นว่า ปัญหาผลกระทบระยะยาวจาก Long COVID นั้นเป็นเรื่องที่พบบ่อยกว่าที่คาดการณ์ และจะบั่นทอนสมรรถนะในการดำเนินชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์ และการทำงาน รวมถึงเป็นภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศในระยะยาว
ติดเชื้อจึงไม่ได้จบแค่หายหรือตาย แต่จะมี Long COVID เป็นเส้นทางที่ 3 ซึ่งทางเส้นนี้เป็นทางที่ขรุขระและยาวไกล
โปรดอย่าหลงคำลวง
ภาพลวง ว่ามันกระจอก ก็แค่หวัดธรรมดา เอาอยู่ แป๊บเดียวก็หาย
แวบเดียวก็ประจำถิ่น เพราะสุดท้ายแล้วคนรับกรรม
คือคนที่หลงเชื่อแล้วทำตัวดี๊ด๊า ไม่ป้องกัน ส่วนกลุ่มลวงโลกก็ลอยตัว
ไม่สนใจ และไม่รับผิดชอบ
การใช้ชีวิต ทำมาหากิน หรือศึกษาเล่าเรียนนั้น
ทำได้แน่นอน แต่ต้องมีสติ ปรับกระบวนการต่างๆ ให้ปลอดภัย
เลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง
และป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตร
ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด ใส่หน้ากากเสมอ เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ เพราะคือปราการด่านสุดท้ายของแต่ละคน.