ออนไลน์บ้านผือนิวส์

ยอดตายนิวไฮพุ่ง 108 ศพป่วยอีก 48,338 คน หมอเตือนอย่าประมาท ดับคาบ้าน 5 ราย

ยอดตายนิวไฮพุ่ง 108 ศพป่วยอีก 48,338 คน หมอเตือนอย่าประมาท ดับคาบ้าน 5 ราย

ไม่ทันเข้าสงกรานต์ยอดผู้ป่วยโควิดก็ พุ่งทุบสถิติทะลุ 108 ศพ เป็นครั้งแรกของปี ส่งให้ 100 วัน มีผู้เสียชีวิตสะสม 4,385 คน ขณะที่ยอดติดเชื้อใหม่ยืนยันยังทรงตัวที่ 2.5 หมื่นคน ตรวจ ATK อีก 23,199 คน ด้าน “หมอประสิทธิ์” ย้ำอย่าประมาทโอมิครอนหายป่วยไม่ถึงสามเดือนก็เป็นซ้ำได้ แม้อาการไม่รุนแรง แต่เกิดภาวะลองโควิด เสี่ยงสมองตื้อ ตามด้วยสายพันธุ์ลูกผสม “XE” คาดมาแทนที่ BA.2 ขณะที่ สปสช.แจกชุดตรวจ ATK ไปแล้ว 1.2 ล้านคน กว่า 3.3 ล้านชุด แต่บันทึกผลใช้แค่ 6.2 แสนคน

ยังไม่ถึงเทศกาลสงกรานต์ไทยก็พบผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ระลอกปี 2565 ทะลุร้อยศพจนได้ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ก็ยังสูงเกิน 2.5 หมื่นคนต่อเนื่อง

ผู้ป่วยอาการหนักพุ่ง

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25,139 คน แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 24,992 คน จากเรือนจำ 80 คน มาจากต่างประเทศ 67 คน ขณะที่ยอดตรวจ ATK 23,199 คน รักษาหายป่วยเพิ่ม 25,509 คน อยู่ระหว่างรักษา 250,973 คน เป็นผู้ป่วยอาการหนัก (ปอดอักเสบ) 1,993 คน เพิ่มขึ้นจากวันวาน 57 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 848 คน เพิ่มขึ้นจากวันวาน 27 คน

3 จังหวัดครองเตียงเริ่มสูง

ขณะที่ 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบมากที่สุด ได้แก่ กทม.มีจำนวน 245 คน ตามด้วย สมุทรปราการ 82 คน นครราชสีมา 76 คน ชลบุรี 60 คน กาญจนบุรี 55 คน บุรีรัมย์ 54 คน นคร ศรีธรรมราช 51 คน นนทบุรี 49 คน สงขลา 48 คน และเชียงราย 47 คน แต่เมื่อดูที่อัตราการครองเตียง (ระดับ 2-3) พบว่ามี 3 จังหวัดอยู่ระดับสูง ได้แก่ สมุทรปราการ อัตราครองเตียงร้อยละ 43.00 จ.นนทบุรี อัตราครองเตียงร้อยละ 42.20 และ กทม.อัตราการครองเตียงอยู่ที่ร้อยละ 40.90

โควิด-19

ยอดตายทำนิวไฮ 108 ศพ

ส่วนผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 108 คน ซึ่งสูงสุดของระลอกปี 2565 เป็นชาย 61 คน หญิง 47 คน อายุตั้งแต่ 5-105 ปี พบเชื้อในวันเสียชีวิต 8 คน เป็นผู้ป่วยติดเตียงถึง 10 คน โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปี และมีโรคเรื้อรัง แบ่งเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 94 คน และมีอายุน้อยกว่า 60 ปี แต่มีโรคเรื้อรัง 13 คน ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 1 คน ทั้งนี้ เมื่อแยกตามภูมิภาค กทม.พบผู้เสียชีวิตสูงสุดที่ 17 คน ส่วนพื้นที่ปริมณฑล (ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม) เสียชีวิตรวม 13 คน แต่ที่หนักสุด ได้แก่ ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ ผู้เสียชีวิตรวม 31 คน และนับตั้งแต่ 1 ม.ค.-10 เม.ย.2565 มีผู้เสียชีวิตสะสม 4,385 คน

กทม.–ชลบุรี ติดเชื้อทะลุพัน

สำหรับการแพร่ระบาดพบในเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดย 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 10 เม.ย. พบที่ กทม. 3,108 คน ชลบุรี 1,290 คน ขอนแก่น 851 คน นครศรีธรรมราช 827 คน สมุทรปราการ 795 คน สมุทรสาคร 656 คน ราชบุรี 654 คน นนทบุรี 645 คน นครปฐม 628 คน และร้อยเอ็ด 607 คน ขณะที่มีลำพูน จังหวัดเดียวที่ยอดติดเชื้อใหม่เป็นศูนย์ ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยัน 3,883,485 คน ยอดหายป่วยสะสม 3,606,429 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 26,083 คน โดยมียอดฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ได้เพิ่ม 291,290 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 58,868 คน เข็มสอง 64,475 คน และเข็มสามขึ้นไป 167,947 คน สะสมฉีดวัคซีนรวมทั้งสิ้น 131,154,980 โดส ทั้งนี้ ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมในช่วง 7 วันที่ผ่านมา อยู่ในลำดับที่ 10 ของโลก

จับตาโอมิครอนลูกผสม “XE”

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics โดยศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยข้อมูลถึงรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสลูกผสม “โอมิครอน XE” ที่พบในประเทศไทยว่า โอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม “XE” เกิดจากการผสมจีโนมของสายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2 รวมกันในสัดส่วนประมาณ 35:65 ซึ่งทาง WHO ได้แจ้งเตือนให้ทุกประเทศช่วยกันจับตาเฝ้าระวัง เนื่องจากพบการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างรวดเร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ประมาณร้อยละ 10 และรวดเร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ประมาณร้อยละ 43 ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะสรุปถึงความรุนแรงในการก่อโรคโควิด-19

ตรวจเจอในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ระบุอีกว่าทางศูนย์ฯ ได้ตรวจพบสายพันธุ์ลูกผสม “โอมิครอน XE” จากสวอปส่งตรวจจากผู้ติดเชื้อในกลุ่มสีเขียว ซึ่งมีอาการเพียงเล็กน้อย ปัจจุบันหายดีแล้ว และหลังจากแพทย์ผู้รักษาได้รับการแจ้งถึงสายพันธุ์ไวรัสของผู้ติดเชื้อรายนี้ ทาง รพ.ที่ดูแลผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่พบการระบาดไปยังผู้ใกล้ชิดแต่อย่างใด ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้ถอดรหัสพันธุกรรมประมาณ 30,000 ตำแหน่ง (base) ของไวรัสตัวนี้และแชร์ไปยังฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” เป็นที่เรียบร้อย โดยได้รับลำดับหมายเลขในการสืบค้นคือ “EPI_ISL_11720091”

หวั่นกลายพันธุ์แบบก้าวกระโดด

เมื่อใช้โปรแกรม Nextclade v1.14.0 ซึ่งเป็นโปรแกรมช่วยกำหนดสายพันธุ์ กำหนดตำแหน่งการกลายพันธุ์ และแสดงคุณภาพของรหัสพันธุกรรมที่ถอดรหัสได้ เข้ามาสร้างต้นไม้วิวัฒนาการชาติพันธุ์ (phylogenetic tree) ร่วมกับไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์หลัก สายพันธุ์ย่อย และบรรดาสายพันธุ์ลูกผสมจากทั่วโลก พบว่าไวรัสตัวนี้มีรหัสพันธุกรรมจัดอยู่ในกลุ่มไวรัสเป็นลูกผสม “โอมิครอน XE” องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาแจ้งเตือนประชาคมโลกถึงการอุบัติขึ้นของสายพันธุ์ลูกผสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ลูกผสม “โอมิครอน XE” ที่ก่อให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการกลายพันธุ์แบบก้าวกระโดด ซึ่งอาจส่งผลต่อ 1.การระบาดของสายพันธุ์ลูกผสม “โอมิครอน XE” ที่อาจเข้ามาแทนที่สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน “BA.2” ในอนาคตอันใกล้ 2.การตรวจกรองด้วย ATK หรือ PCR ที่อาจทำได้ไม่ถูกต้อง 3.การป้องกันการติดเชื้อด้วยวัคซีน อาจด้อยประสิทธิภาพลง 4.การรักษาด้วยยาต้านไวรัสและโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนติบอดีสังเคราะห์ อาจลดประสิทธิภาพหรือไม่ได้ผล 5.ผลกระทบต่ออาการลองโควิด ทั้งนี้ สายพันธุ์ลูกผสม “โอมิครอน XE” พบแพร่ระบาดครั้งแรกในประเทศอังกฤษตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จากการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจีโนมของประเทศอังกฤษ (ร้อยละ 20 จากตัวอย่างที่ตรวจ PCR ให้ผลเป็นบวก) พบ “โอมิครอน XE”ประมาณ 600 คน เมื่อต้นเดือนมกราคม 2565 และปลายเดือนมีนาคม 2565 เพิ่มเป็น 736 คน อันแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่าสายพันธุ์ลูกผสม “โอมิครอน XE” อาจจะไม่ได้แพร่ติดต่อรวดเร็วอย่างที่เรากังวลกัน

คาด XE แทนที่ในอนาคต

ขณะที่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงโควิด-19 สายพันธุ์ผสมว่า การผสมกันไม่ได้หมายความว่าจะมีความรุนแรงขึ้นเสมอ หรือกระจายได้เร็วขึ้น ขึ้นอยู่กับจุดของการกลายพันธุ์นั้นๆ อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเอเชีย บางประเทศพบติดเชื้อใหม่วันละ 1-2 แสนราย ขณะที่ประเทศไทยยังคงที่ ไม่พุ่งขึ้น ข้อมูลการติดเชื้อต้องดูย้อนหลังเฉลี่ย 7 วันประกอบด้วย ตอนนี้สายพันธุ์ XE เป็นที่เฝ้ามองเพราะเป็น 1 ใน 3 สายพันธุ์ที่เจอในอังกฤษ เริ่มเห็นตัวเลขและข้อมูลว่าอาจกระจายได้เร็วขึ้นกว่าโอมิครอน BA.2 แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ารุนแรงกว่า จึงต้องเฝ้าติดตามข้อมูลทุกวัน คาดว่าคงมีการแทนที่กันในอนาคต เช่นเดียวกับเดลตาที่เราเคยกลัวมาก ตอนนี้ก็หายไปแล้ว หรือแม้กระทั่งโอมิครอน BA.1 ตอนนี้ก็แทนที่ด้วย BA.2 แล้ว

หายป่วยไม่ถึง 3 เดือนติดซ้ำได้

ศ.นพ.ประสิทธิ์ยังกล่าวถึงคนที่คิดว่าหายติดเชื้อจะไม่ติดซ้ำในระยะ 1-3 เดือนว่า โอมิครอนได้ลบคำพูดนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ผู้ติดเชื้อแล้วก็ติดเชื้อซ้ำได้ เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราจำหน้าตาไม่ได้ ก็สามารถติดเชื้อใหม่ได้ เพียงแต่ว่าหากเราฉีดวัคซีนและมีการติดเชื้อแล้วไม่รุนแรง ก็คลายกังวลได้บ้าง มองอีกมุมหนึ่งคือเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ต้องย้ำว่าการป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะภาวะลองโควิดมีข้อมูลชัดเจนว่าเกิดขึ้นจริง กว่า 50 อาการ ที่เป็นภาวะทางกาย ซึ่งเกิดการอักเสบต่อเนื่องในผู้ป่วยบางราย ยังไม่มีใครรู้ว่าจะมีผลระยะยาวนานแค่ไหน ยังเป็นเครื่องหมายคำถามที่ทั่วโลกติดตามอยู่ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องระวังดูแลไม่ให้ตัวเองติดเชื้อ บางคนมีเรื่องสมองตื้อ สมองไม่เฉียบเหมือนเดิม ฉะนั้นดีที่สุดคือป้องกันอย่าให้ติดเชื้อ

คนท้องติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กว่า ระลอกนี้คนท้องติดเชื้อกันมากขึ้น ยังดีว่าวัคซีนช่วยเอาไว้ให้ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง วันนี้ลองมาดูผลกระทบต่อมารดาผู้โอบอุ้มทารกในอุทรกันบ้าง โดยจะเจาะลึกไปเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาการทางระบบประสาท ที่หลงเหลือหลังจากการติดเชื้อหรือป่วยขณะตั้งครรภ์ นับจนถึงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงทั่วโลกเดลตากำลังซา มีรายงานผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์รวม 18 คนอายุครรภ์ระหว่าง 30-37 สัปดาห์ โดยเป็นอาการเกี่ยวกับสมองครึ่งหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องรักษาในไอซียู และอาการในระบบประสาทนอกสมองอีกครึ่งหนึ่ง ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบประสาทนี้จะได้รับการผ่าคลอด โดยทั้งหมดแม่รอด แต่ลูกไม่รอดเสียไป 3 ราย ในระยะยาวแล้วมีแม่เพียง 1 รายที่อาการทางระบบประสาทยังไม่ดีขึ้นในช่วงหลังคลอด

ติดเชื้อก่อหัวใจอักเสบมากกว่า

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ระบุด้วยว่า สาเหตุหนึ่งของการลังเลเข้ารับวัคซีนในเด็กช่วงอายุ 5-17 ปี คือกลัวว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อหัวใจโดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ล่าสุดคณะกรรมการควบคุมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกา (US CDC) ได้เผยแพร่การรวบรวมผลการฉีดวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ ตั้งแต่ 1 ม.ค.2564 ถึง 31 ม.ค.2565 จากประชากรกว่า 15 ล้านคนของ 40 มลรัฐ พบว่า การเกิดหัวใจอักเสบจะสูงสุดในเด็กอายุ 12-17 ปี (สูงสุดในเพศชายคือ 50-65ต่อแสนราย และพบบ่อยในการฉีดเข็มสอง เพศหญิงพบน้อยกว่าราว 10 เท่า) แต่ถ้าเด็กกลุ่มนี้ติดเชื้อหรือป่วยด้วยโรคโควิด-19 จะเกิดหัวใจอักเสบได้มากกว่าจากการฉีดวัคซีนถึง 1.8-5.6 เท่า สำหรับผลเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับช่วงอายุ 5-11 ปี และ 18 ปีขึ้นไปเห็นอย่างนี้แล้วผู้ปกครองที่ยังลังเลโปรดเปลี่ยนใจ เพื่อการเปิดเทอมกลางเดือนหน้า บุตรหลานของเราจะได้ไปโรงเรียนกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หลังจากห่างหายกันแบบเป็นๆหายๆมาสองปีกว่า

สูงวัยฉีดเข็มกระตุ้นกว่า 3 ล้านคน

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มกระตุ้นให้กลุ่ม 608 ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยประสานขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเครือข่ายสุขภาพทุกจังหวัด ร่วมกันเชิญชวนกลุ่ม 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ไปรับการฉีดเข็มที่1และ 2 รวมทั้งเข็มกระตุ้น ระหว่างวันที่ 15 มี.ค.-6เม.ย.พบว่า มีผู้สูงอายุเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 กว่า 500,000 คน และวัคซีนเข็มที่ 4 กว่า 21,000 คน ส่งผลให้ภาพรวมของทั่วประเทศมีผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่า 3 ล้านคน ซึ่ง สบส.ยังคงจัดกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีน ร่วมกับ อสม.ต่อไปจนกว่าผู้สูงอายุที่มีกว่า 11 ล้านคนทั่วประเทศ จะได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเป้าหมาย

แจก ATK นับล้านใช้จริงครึ่งเดียว

ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช.ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย สภาเภสัชกรรม และหน่วยบริการ เปิดลงทะเบียนและคัดกรองความเสี่ยงในการรับชุดตรวจโควิด-19 ATK ฟรีที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ เช่นร้านยา คลินิกพยาบาล คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกเทคนิคการแพทย์ฯ หรือหน่วยบริการอื่นกว่า 2,000 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการดำเนินการรอบที่ 2 มีกลุ่มเสี่ยงขอรับชุดตรวจแล้วทั้งสิ้น 1,287,586 คน จำนวน 3,382,126 ชุด ในจำนวนนี้บันทึกผลแล้ว 627,611 คน คิดเป็นร้อยละ 49ในจำนวนนี้เป็นผู้มีผลบวกจำนวน 31,156 คน หรือร้อยละ2.4

ป่วยโควิดตายคาบ้าน 5 ศพ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายธนเดช อุบลรัตน์ อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ชุดปฏิบัติการพิเศษเก็บร่างผู้เสียชีวิตที่มีเชื้อโควิด-19 ผลัดกลางวัน (08.00-20.00 น.) ว่าตลอดเช้าจนถึงเย็นได้เก็บร่างผู้ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตในบ้านถึง 5 ศพ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยและป่วยติดเตียง โดยรายแรกได้รับแจ้งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ว่ามีผู้เสียชีวิตที่บ้านเช่าในซอยสวนหลวง 7 ถนนเศรษฐกิจ 1 เขต สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อไปถึงพบภรรยาผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิดด้วย ระบุว่าสามีอายุประมาณ 60 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง ตรวจ ATK ที่บ้านพบขึ้น 2 ขีด เมื่อ 2-3 วันก่อนและเตรียมไป รพ.ในวันจันทร์ที่ 11 เม.ย.นี้ แต่มาเสียชีวิตก่อน โดยที่บ้านนอกจากตัวภรรยาแล้วยังมีบุตรชาย อายุ 20 กว่าปี อีก 1 คน ติดเชื้อโควิด แต่รักษาหายแล้ว ซึ่งรายนี้ได้ส่งศพไปฌาปนกิจที่วัดหนองพระองค์ กระทุ่มแบน เป็นที่เรียบร้อย ต่อมาได้รับแจ้งเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ว่ามีผู้เสียชีวิตที่ห้องเช่าในซอยท่าดินแดง 16 แขวงและเขตคลองสาน กทม.เมื่อไปถึงพบศพชาย อายุประมาณ 70 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่คนเดียว โดยมีเพื่อนข้างห้องที่ช่วยดูแลและให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยติดโควิด มีอาการไอ คาดเสียชีวิตเมื่อช่วง 9 โมงเช้า จึงส่งศพไปฌาปนกิจที่วัดสุวรรณ ถนนเจริญนคร พื้นที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยาทันที ขณะที่รายที่สามเป็นชาย อายุ 90 ปี บ้านอยู่ในชุมชนริมคลอง ซอยบรมราชชนนี 46 แขวงและเขตตลิ่งชัน เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีอาการไอ เจ็บคอ ญาติจึงตรวจ ATK พบเชื้อ โดยผู้อาศัยในบ้านอีก 2-3 คน ตรวจยังไม่พบเชื้อ จึงส่งศพไปฌาปนกิจที่วัดมะกอก เขตตลิ่งชัน

เช้าตรวจเจอเชื้อบ่ายสิ้นใจ

นายธนเดชกล่าวอีกว่า เมื่อเวลา14.00 น. รับแจ้งผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตรายที่ 4 เป็นหญิงมุสลิม อายุ 26 ปี อาศัยอยู่กับพี่ชายเป็นบ้านไม้สองชั้น ในซอยเฉลิมพระเกียรติ 66 เขตประเวศ สน.อุดมสุข เบื้องต้นพี่ชายผู้ตายให้ข้อมูลว่าน้องสาวมีอาการไอ เจ็บคอ จึงตรวจ ATK พบติดเชื้อโควิดและหายากินเองมาสองวัน จึงส่งศพไปยังสถาบันนิติเวช วิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนนำร่างกลับมาฝังที่สุเหร่าภายในซอยดังกล่าว โดยผู้อาศัยในบ้าน 5 คน ยังพบผู้ติดเชื้ออีก 2-3 คน ซึ่งยังคงรักษาตามอาการป่วยต่อไป และรายสุดท้ายเป็นชาย อายุ 70 ปี อาศัยในบ้านสองชั้น ในชุมชนเปรมฤทัย ถนนบางนา-ตราด กม.5 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ลูกชายผู้ตายให้ข้อมูลว่าบิดาไอและเจ็บคอ จึงตรวจ ATK ให้เมื่อช่วงเช้าถึงสองครั้ง ผลขึ้นสองขีดทั้งสองครั้ง จึงหายาให้กินและเตรียมพาไปหาหมอในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าช่วงบ่าย พบบิดาเสียชีวิตแล้ว จึงส่งศพไปฌาปนกิจทันทีที่วัดตากล่ำ ถนนเฉลิมพระเกียรติ 22

นายกฯแนะใช้ Self Clean Up

สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สัปดาห์นี้ รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯแนะนำประชาชนที่จะเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เตรียมพร้อมก่อนเดินทางเน้นมาตรการ Self Clean Up เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดจากเชื้อโควิด-19 ตรวจ ATK คัดกรองตนเองเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ และเมื่อถึงภูมิลำเนาควรออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น ไม่ไปในสถานที่เสี่ยง แออัด พร้อมสำรวจอาการตนเองเข้าข่ายได้รับเชื้อโควิดหรือไม่ สำหรับมาตรการเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง Self Clean Up คือ 1.ขอให้บุตรหลานพาพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ไปฉีดวัคซีน หรือวัคซีนเข็มกระตุ้น 2.ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เน้นการสวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า 3.หลังกลับจากสงกรานต์ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน ตรวจ ATK เมื่อมีอาการสงสัยติดเชื้อ และ WFH ตามความเหมาะสม

ปลื้มต่างชาติเข้าภูเก็ตคึกคัก

นายธนกรยังกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ได้เดินทางไป จ.ภูเก็ต เพื่อดูความพร้อมมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบบรรยากาศการท่องเที่ยวยังคงคึกคักตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญกิจการร้านค้าเปิดให้บริการปกติ แต่ยังคงเข้มงวดในมาตรการ COVID Free Setting พร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากนายกฯ มีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ วันนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่ 445,801 คนแล้ว ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์มีจำนวนห้องพักเปิดให้บริการ 70,000 ห้อง คิดเป็นร้อยละ 70 จากจำนวนห้องพักทั้งหมด อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 44.46 ททท.ยังคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 60 เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่นิยมจองแบบ last minute พักเฉลี่ย 2.49 คืน จำนวนผู้เยี่ยมเยือน (นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ) 188,245 คน ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนเฉลี่ย 3,241.26 ล้านบาท และช่วงสงกรานต์ ภูเก็ตจะจัดกิจกรรม Water Festival เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย “สายน้ำ ยาม ฟ้าใส” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย

ลุงลาตายผูกคอหนีโควิด

ส่วนสถานการณ์ในส่วนภูมิภาค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 เม.ย. พ.ต.ต.บวรรัชฏะ มายะลา สว. (สอบสวน) สภ.เมืองลำพูน ไปตรวจสอบเหตุคนผูกคอตายที่บ้านเลขที่ 91/2 บ้านศรีเมืองยู้ ซอย 5 ต.เวียงยอง เป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ติดกับบ้านอีกหลังที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จเตรียมทำบุญขึ้นบ้านใหม่ บริเวณชานหน้าบ้านหลังเก่าพบศพนายโอสถ ลิ้มเจริญ อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านเป็นพ่อค้ารับซื้อลำไย ใช้เชือกไนลอนผูกคอกับขื่อหลังคา ตามร่างกายไม่มีบาดแผล สอบสวนภรรยาทราบว่า ผู้ตายแยกตัวไปนอนคนละบ้าน เนื่องจากภรรยาและลูกตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ส่วนผู้ตายยังไม่ติดเชื้อ แต่จะต้องตรวจซ้ำอีกรอบ และมีอาการวิตกกังวลเนื่องจากเป็นผู้เสี่ยงสูง อาจเป็นชนวนเหตุให้เครียดจัดตัดสินใจผูกคอลาโลก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

Please Select Embedded Mode To Show The Comment System.*

ใหม่กว่า เก่ากว่า

สื้อโฆษณา

ออนไลน์บ้านผือนิวส์